ถ้าพูดถึงกิจกรรมยอดฮิตที่หลายคนเลือกมาออกกำลังกายด้วยตัวเองที่บ้านนั้นคงต้องมี พิลาทิส (Pilates) เป็นหนึ่งในตัวเลือกอย่างแน่นอน แต่หลายๆคนก็คงอาจจะสงสัยว่า พิลาทิสคืออะไร และต่างกับโยคะอย่างไร วันนี้ Fit.Friend จะมาไขข้อข้องใจนี้กันครับ
เลือกหัวข้อที่ต้องการอ่าน
พิลาทิส (Pilates) คืออะไร?
พิลาทิส (Pilates) เป็นการออกกำลังกายที่มีประโยชน์หลากหลายด้าน ทั้งช่วยสร้างความแข็งแรงและเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับร่างกาย ช่วยในเรื่องลดน้ำหนัก ดูแลรูปร่าง ทำให้สัดส่วนกระชับ นอกจากนี้พิลาทิส ยังช่วยปรับบุคลิกภาพให้ดียิ่งขึ้น แก้ไขอาการหลังแอ่น หลังค่อม แก้อาการปวดหลัง ออฟฟิศซินโดรม และยังช่วยผ่อนคลายจิตใจได้อีกด้วย
พิลาทิสยังถือเป็นการออกกำลังกายที่มีความปลอดภัยสูง สามารถเล่นได้ทั้งที่ยิมและที่บ้าน และเหมาะกับทุกเพศทุกวัย แม้จะเป็นคุณแม่ตั้งครรภ์ก็สามารถออกกำลังกายแบบ Pilates ได้

เนื่องจากท่าออกกำลังกายของพิลาทิสเป็นท่าทางการเคลื่อนไหวที่นุ่มนวลและต่อเนื่องอย่างเป็นธรรมชาติ มีการกระทบกระเทือนกับร่างกายเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
โดยต้นกำเนิดของพิลาทิสนั้นได้ถูกคิดค้นโดย Joseph Pilates ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ก่อนจะแพร่หลายไปทั่วโลก เริ่มแรกนั่นโจเซฟ พิลาทิสเรียกกระบวนท่านี้ว่า “Contrology” ที่มาจากการ “ควบคุม”
ไม่ว่าจะเป็นการควบคุมตำแหน่งของร่างกาย (Alignment) การควบคุมการหายใจ (Breathing) และการควบคุมกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัว (Core Muscle) ซึ่งโจเซฟ พิลาทิสได้บอกว่าวิธีการของเขานั้นจะให้ความรู้สึกเหมือนการออกกำลังกาย ไม่ใช่การบำบัด
ดังนั้นหลักการของพิลาทิส คือ การจัดเรียงกระดูกสันหลังให้กลับมาสู่สมดุลของร่างกายตามหลักกายวิภาค โดยจะเน้นให้ความสำคัญกับการจัดตำแหน่งของร่างกายที่ถูกต้อง การหายใจที่ถูกต้องและการควบคุมกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัว
พิลาทิส ต่างกับ โยคะอย่างไร ?
หลาย ๆ คนที่เริ่มหาข้อมูลของพิลาทิส (Pilates) คงมีคำถามอยู่ในว่า “พิลาทิสต่างกับโยคะอย่างไร” ทั้งๆที่พิลาทิสและโยคะก็ดูจะเป็นการออกกำลังกายที่เน้นความสมดุลของร่างกาย ความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อ การควบคุมการหายใจเหมือนกัน
ถึงแม้ว่าพิลาทิสและโยคะจะมีความคล้ายคลึงกัน แต่ก็ยังมีส่วนที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนอยู่ ซึ่งสามารถสังเกตความแตกต่างของการออกกำลังกายแบบพิลาทิส (Pilates) กับโยคะ (Yoga) ได้ดังนี้
1.หลักการ
- พิลาทิส (Pilates) เป็นการออกกำลังกายที่เน้นเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและเสริมความยืดหยุ่น เพื่อฟื้นฟูร่างกายและสร้างกล้ามเนื้อที่แข็งแรง โดย Pilates จะยึดหลักของกายวิภาคที่มีความซับซ้อน
- โยคะ (Yoga) เป็นการออกกำลังกายที่ช่วยสร้างความยืดหยุ่นและความอ่อนตัวให้กล้ามเนื้อในร่างกาย ซึ่งโยคะเน้นที่การฝึกจิตใจ ฝึกลมหายใจ ให้ร่างกายและจิตใจผสานเข้าด้วยกัน
2.ท่าออกกำลังกาย
- พิลาทิส (Pilates) มีท่าออกกำลังกายที่เน้นความถูกต้องตามหลักกายวิภาค แต่ละท่าของพิลาทิสนั้น จะเป็นการเคลื่อนไหวร่างกายอย่างต่อเนื่องไปพร้อม ๆ กับการฝึกหายใจ โดยการหายใจในรูปแบบพิลาทิส คือ การหายใจเข้าทางจมูก และหายใจออกทางปาก
- โยคะ (Yoga) มีท่าออกกำลังกายที่เน้นความยืดหยุ่นของร่างกายผสานกับลมหายใจ โดยท่าของโยคะจะเป็นการทำท่านิ่ง ๆ ไว้ชั่วระยะเวลาหนึ่ง แล้วจึงจะค่อย ๆ เปลี่ยนท่าทางไปพร้อมกับการหายใจที่เป็นจังหวะ สำหรับการหายใจในรูปแบบของโยคะ คือ หายใจเข้า – ท้องพอง, หายใจออก – ท้องแฟบ ไม่ได้ตายตัวว่าต้องเข้าจมูก ออกจมูก หรือเข้าจมูก ออกทางปากเพียงอย่างเดียว โดยจะหายใจเข้าออกให้สอดคล้องเป็นจังหวะกับท่าฝึกแต่ละท่า
3.อุปกรณ์
- พิลาทิส (Pilates) มีอุปกรณ์ประกอบการเล่นที่หลากหลาย ซึ่งถ้าไปที่ยิมที่สอนพิลาทิสก็จะมีอุปกรณ์หลัก ๆ อยู่ 3 อย่าง ได้แก่ เครื่องรีฟอร์มเมอร์ (Reformer) เครื่องคาดิลแลค (Cadillac) และเก้าอี้วุนดา (Wunda Chair) แต่สำหรับใครที่เล่นพิลาทิสที่บ้านก็สามารถใช้ เสื่อ ถุงเท้าพิลาทิสกันลื่น เพื่อเล่นพิลาทิสได้ และอาจจะเพิ่ม Roller Foam หรือเพิ่มลูกบอลพิลาทิส มาเป็นออฟชั่นเสริมให้ไม่น่าเบื่อได้
- โยคะ (Yoga) ใช้อุปกรณ์แค่เสื่อโยคะเพียงผืนเดียวก็สามารถเล่นโยคะได้แล้ว และอาจมีการใช้บล็อกโยคะเพิ่มเติมได้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ รวมถึงช่วยทุ่นแรง ทำให้ไม่ต้องฝืนยืดเหยียดร่างกายมากจนเกินไป
พิลาทิสกับโยคะ แบบไหนดีกว่ากัน?
คำถามนี้ไม่สามารถตอบแบบฟันธงได้ เพราะหลักการและจุดมุ่งเน้นของพิลาทิสกับโยคะนั้นแตกต่างกัน ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับความต้องการของตัวคุณเองว่าคุณมีความต้องการแบบไหน
ถ้าต้องการเน้นความยืดหยุ่นของร่างกาย ฝึกสมาธิ และผ่อนคลายจิตใจ โยคะก็จะตอบโจทย์ได้มากกว่า แต่ถ้าต้องการฟื้นฟูร่างกาย สร้างความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อ ปรับบุคลิกภาพ แก้ปวดหลัง ออฟฟิศซินโดรม พิลาทิสคือคำตอบของคุณ

และถึงแม้ว่าการออกกำลังกายรูปแบบพิลาทิส (Pilates) จะสามารถทำเองที่บ้านได้ แต่อย่าลืมว่าหลักการสำคัญของพิลาทิสคือการจัดตำแหน่งร่างกายให้ถูกต้อง ถ้าจัดตำแหน่งร่างกายผิดอาจจะส่งผลเสียกับร่างกายได้
ดังนั้นการมี เทรนเนอร์ส่วนตัว (Private Trainer) ที่มีความเชี่ยวชาญจะช่วยให้การออกกำลังกายพิลาทิสได้ประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ช่วยปรับท่าทางในการออกกำลังกายให้ถูกต้อง ลดความเสี่ยงในการบาดเจ็บ แนะนำวิธีการควบคุมกล้ามเนื้อและการหายใจอย่างถูกวิธี และยังช่วยแก้ปัญหาต่าง ๆ ของร่างกายได้ตรงจุดอีกด้วย
หากคุณกำลังมองหาเทรนเนอร์มืออาชีพ Fit.Friend คือศูนย์รวมเทรนเนอร์ที่มีความเชี่ยวชาญทุกศาสตร์ในการออกกำลังกาย พร้อมส่งเทรนเนอร์ Delivery ไปเป็นเพื่อนฟิตถึงที่บ้าน
สรุป
พิลาทิส หรือ Pilates เป็นการออกกำลังกายที่สามารถทำได้ที่บ้าน ช่วยจัดตำแหน่งของร่างกายที่ถูกต้องเพื่อบุคลิกที่ดี ช่วยฝึกการหายใจที่ถูกต้องและการควบคุมกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัว พิลาทิสต่างกับโยคะตรงที่เน้นด้านกายวิภาคที่ซับซ้อน วิธีการหายใจ และเน้นเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อมากกว่า โดยการใช้อุปกรณ์ที่แตกต่างกัน จึงจำเป็นต้องมีเทรนเนอร์ที่เชี่ยวชาญคอยแนะนำ