ด้วยเทคโนโลยีปัจจุบัน ที่กำลังผันตัวเข้าสู่ยุคดิจิทัล อาจทำให้มนุษย์ทำงานหลาย ๆ ต้องทำงานหน้าจอคอมกันมากขึ้น จนเกิดอาการปวดเมื่อยจากการนั่งทำงานนานๆ แต่ไม่แน่ใจว่าอาการแบบนี้คือ โรคออฟฟิศซินโดรม (office syndrome) หรือเปล่า และไม่รู้จะแก้อาการยังไงดี วันนี้ Fit.Friend จะชวนคุณมาลองเช็กด้วยเกณฑ์การประเมินเบื้องต้น และแนะนำวิธีการรักษาที่ยั่งยืนด้วยการออกกำลังกายกันครับ
ออฟฟิศซินโดรม คืออะไร?
ออฟฟิศซินโดรม (office syndrome) คือ กลุ่มอาการปวดกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อพังผืด ซึ่งเกิดจากการใช้มัดกล้ามเนื้อเดิมๆ ซ้ำๆ เป็นระยะเวลานานสะสม ทำให้กล้ามเนื้อเกิดอาการอักเสบ เป็นโรคยอดฮิตของพนักงานออฟฟิศ ส่วนใหญ่จะพบบริเวณ ข้อนิ้ว ข้อมือ คอ บ่า ไหล่ หลัง และศีรษะ
สาเหตุของโรคออฟฟิศซินโดรม
เกิดจากไลฟ์สไตล์ในยุคปัจจุบันที่มีการใช้มือถือหรือคอมพิวเตอร์เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวัน เช่น
- การก้มหน้าเล่นมือถือ หรือการนั่งผิดท่า เช่น นั่งไขว่ห้าง นั่งหลังค่อม นั่งทำงานบนเตียง
- การนั่งทำงาน หรือยืนทำงานในท่าเดิมๆ เป็นระยะเวลานาน
- อุปกรณ์การทำงานไม่เหมาะสม เช่น โต๊ะหรือเก้าอี้ทำงานไม่เหมาะกับสรีระร่างกาย
- สุขภาพร่างกายที่ไม่สมบูรณ์ เช่น การพักผ่อนไม่เพียงพอ การมีความเครียด
อาการแบบไหนมีความเสี่ยงเป็นโรคออฟฟิศซินโดรม ?
หากคุณเริ่มรู้สึกมีอาการปวดเมื่อยตามลำตัว ไม่ว่าจะเป็นบริเวณ ข้อนิ้ว ข้อมือ คอ บ่า ไหล่ หลัง หรือศีรษะอยู่บ่อยครั้ง เป็นระยะเวลานานหลายๆ เดือน อาจเป็นสัญญาณเตือนว่าคุณเสี่ยงเป็นโรคออฟฟิศซินโดรม ลองมาประเมินกันจากข้อด้านล่างนี้
เกณฑ์การประเมิน ออฟฟิศซินโดรม
- ปวดกล้ามเนื้อเฉพาะส่วน มักมีอาการปวดบริเวณกว้าง เช่น คอ บ่า ไหล่ สะบัก สาเหตุเกิดจากหลายปัจจัย เช่น การนั่งทำงานในท่าเดิมๆ โดยไม่เปลี่ยนท่าทาง การจ้องหน้าคอมใกล้เกินไป
- ปวดศีรษะเรื้อรัง สาเหตุเกิดจากความเครียด หรือการที่ใช้สายตาเป็นระยะเวลานาน
- ปวดหลังเรื้อรัง สาเหตุเกิดจากการนั่งทำงาน การนั่งผิดท่า หรือยืนทำงานติดต่อกันเป็นเวลานาน
- ปวดแขน มือชา นิ้วล็อค สาเหตุเกิดจากการจับเมาส์ พิมพ์เอกสารในท่าเดิมๆ เป็นระยะเวลานาน ทำให้กล้ามเนื้อกดทับเส้นประสาทจนเกิดพังผืดยึดจับบริเวณนั้นๆ
- อาการปวด ตึงที่ขา หรือเหน็บชา สาเหตุเกิดจากการนั่งทำงานนานๆ ทำให้เส้นเลือดดำถูกกดทับและส่งผลให้เลือดไหลเวียนผิดปกติ
แนวทางการรักษาโรคออฟฟิศซินโดรม
เนื่องจากโรคออฟฟิศซินโดรมมักมีอาการปวด เมื่อย ล้า ชาตามร่างกายอยู่บ่อยครั้ง และมักจะก่อให้เกิดความรู้สึกรำคาญทำให้ต้องหันไปหาวิธีการรักษาเพื่อคลายอาการเจ็บปวด
ปัจจุบันแนวทางการรักษาโรคออฟฟิศซินโดรมนั้นมีหลายวิธีด้วยกัน ได้แก่
- การนวดแผนไทย
- การฝังเข็ม ครอบแก้ว การช็อตไฟฟ้า
- การจัดกระดูก
- การกินยาคลายกล้ามเนื้อ
- การหาหมอกายภาพบำบัด
แต่วิธีที่กล่าวมาข้างต้นนั้นเป็นเพียงแค่การรักษาเพื่อบรรเทาอาการเจ็บปวดเท่านั้น ไม่ได้ช่วยให้หายขาดจากโรคออฟฟิศซินโดรม
วิธีป้องกันการเกิดโรคออฟฟิศซินโดรม
วิธีการป้องกันโรคออฟฟิศซินโดรมที่ดีที่สุดนั้น ต้องเริ่มจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของตัวเอง มีวิธีการง่ายๆ ดังนี้
- การปรับสภาพแวดล้อมในการทำงาน เช่น การปรับระดับความสูงของโต๊ะและเก้าอี้ทำงานให้พอดีกัน ปรับหน้าจอคอมพิวเตอร์ให้อยู่ในระดับสายตา ไม่สูงเกินหรือต่ำเกินไป
- การปรับสภาพกล้ามเนื้อให้เหมาะสมในการทำงาน เช่น ควรลุกเดิน ขยับร่างกาย และยืดเส้นทุกๆ 1 – 2 ชั่วโมง
- ฝึกผ่อนคลายความเครียด พักผ่อนให้เพียงพอ กินอาหารที่มีประโยชน์ ดื่มน้ำให้เพียงพอในแต่ละวัน
- การออกกำลังกายให้เหมาะสมเพื่อลดปัจจัยเสี่ยงของโรค เช่น การออกกำลังกายเสริมสร้างกล้ามเนื้อในจุดที่อ่อนแอหรือไม่ค่อยได้ใช้ การยืดเส้นที่ถูกต้องเพื่อลดการตึง หรือบาดเจ็บของกล้ามเนื้อ
ด้วยวิธีการดังกล่าวนี้สามารถทำให้คุณห่างไกลจากโรคออฟฟิศซินโดรมได้อย่างแน่นอน เพราะสิ่งสำคัญที่สุดคือการดูแลสุขภาพร่างกายของตัวเองอย่างถูกต้อง หากสุขภาพร่างกายแข็งแรงโรคภัยก็จะไม่ถามหา
สรุป
เราควรเช็กอาการโรคออฟฟิศซินโดรมด้วยเกณฑ์การประเมินเบื้องต้นอยู่เสมอ และไม่ควรปล่อยไว้นานจนเกินไป เพราะอาจทำให้เป็นโรคเรื้อรัง ซึ่งก่อให้เกิดความน่ารำคาญในชีวิตประจำวัน ส่งผลร้ายกับสุขภาพร่างกาย และบุคลิกภาพของเราในอนาคต ดังนั้นเราควรมีวิธีรับมือป้องกันกับโรคออฟฟิศซินโดรมอย่างถูกต้อง เช่น การออกกำลังกายแก้ออฟฟิศซินโดรม
หากรู้ตัวว่าเริ่มมีอาการของโรคแล้ว แต่ไม่รู้ว่าควรออกกำลังกายแบบไหน หรือรักษาที่ไหน สามารถเรียกใช้ บริการเทรนเนอร์ส่วนตัว จาก Fit.Friend ได้เลยครับ
เราพร้อมส่งเทรนเนอร์เข้าไปช่วยดูแลสุขภาพของคุณถึงที่บ้าน เพราะเทรนเนอร์ของเรานั้นสามารถประเมินอาการและสภาพร่างกายของคุณได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น รวมถึงออกแบบโปรแกรมการออกกำลังกายให้คุณได้อย่างเหมาะสม และไม่เสี่ยงบาดเจ็บเพิ่มเติมจากการออกกำลังกายอีกด้วย