สำหรับคนที่เพิ่งเริ่มเข้าสู่การออกกำลังกาย ท่าแรกๆ ที่ส่วนใหญ่มักคิดถึงหรือได้ยินบ่อยๆ คงไม่หนีพ้น “ท่าสควอช (Squat)” แต่รู้หรือไม่ว่าท่าเบสิคๆ นี้ มีมากมายหลากหลายกว่าที่คุณคิด การสควอช Squat ในแต่ละแบบก็ได้มัดกล้ามเนื้อที่ต่างกัน และวิธีการเล่นที่แตกต่างกันออกไป วันนี้ทาง Fit.Friend จะพาเพื่อนๆ มาทำความรู้จักกับท่าสควอช Squat ที่ถูกต้องในรูปแบบต่างๆ กัน
เลือกหัวข้อที่ต้องการอ่าน
- ท่าสควอชคืออะไร
- ท่าสควอชช่วยอะไร
- ท่าสควอชได้กล้ามเนื้อส่วนไหน
- ท่าสควอชที่ถูกต้องทำอย่างไร
- ท่าสควอชเผาผลาญได้กี่แคล
- ตารางทำสควอช 30 วัน
- คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับสควอช
- สรุป
ท่าสควอช Squat คืออะไร?
ท่าสควอช (Squat) คือท่าออกกำลังกายหลักที่เสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ โดยเฉพาะช่วงล่าง เช่น ต้นขา เอว สะโพก และหน้าท้อง ได้เป็นอย่างดี แต่สิ่งที่ควรระวังคือการทำท่าสควอช (Squat) ที่ผิดวิธี จะเสี่ยงทำให้คุณบาดเจ็บได้
ท่าสควอช Squat ช่วยอะไร?
ท่าสวอช (Squat) นอกจากจะช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อช่วงล่างได้อย่างดีเยี่ยมแล้ว ยังช่วยในส่วนอื่นๆ อีกด้วย เช่น
- เสริมสร้างกล้ามเนื้อครบทุกส่วน เพราะท่าสวอช (Squat)ใช้กล้ามเนื้อแทบทุกส่วนของร่างกายในการออกแรง ไม่ว่าจะเป็น กล้ามเนื้อขา,กล้ามเนื้อแขน,กล้ามเนื้อหน้าท้อง และส่วนอื่นๆ อีกมากมาย
- ช่วยเผาผลาญไขมันได้เป็นอย่างดี เพราะต้องใช้แรงในการออกกำลังที่มาก ทำให้หัวใจเต้นแรง และเลือดสูบฉีดมากขึ้น สามารถ ลดไขมันต้นขา ได้ดีมากๆ
- ช่วยเรื่องระบบทางเดินหายใจ เพราะการสควอช (Squat)นั้น มีเรื่องการหายใจเข้ามาร่วมด้วย จึงทำให้ปอดมีความแข็งแรงมากขึ้น
- ช่วยให้มีความคล่องแคล่ว เพราะใช้กล้ามเนื้อส่วนล่าง และแกนกลางลำตัวร่วมด้วย ซึ่งเป็นกล้ามเนื้อหลักในการพยุงร่างกาย
- ช่วยลดอาการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อ เพราะการสควอช (Squat)นั้นยังช่วยเสริมสร้างเอ็นกล้ามเนื้อให้แข็งแรง และเพิ่มความยืดหยุ่นของข้อต่อได้ดีอีกด้วย
ท่าสควอช Squat ได้กล้ามเนื้อส่วนไหน?
มาถึงตอนนี้เพื่อนๆ อาจสงสัยว่า สควอช (Squat) เล่นแล้วได้กล้ามเนื้อส่วนไหนกันแน่? การเล่นท่าสควอช (Squat) เป็นหนึ่งในท่าที่ ได้กล้ามเนื้อโดยรวมของร่างกาย (Total Body) ทุกส่วนเลยก็ว่าได้ โดยกล้ามเนื้อหลักๆ ที่ได้จะยังคงเป็นช่วงล่างของร่างกาย (Lower Body) ไม่ว่าจะเป็น
- หน้าขา
- หลังขา
- สะโพก
- น่อง
- แกนกลางลำตัว
เพราะต้องใช้กล้ามเนื้อมัดใหญ่หลาย ๆ ส่วน การสควอช (Squat) จึงเป็นท่าที่ใช้พลังงานร่างกายอย่างมาก จึงทำให้ท่านี้ช่วยเบิร์นไขมันได้อย่างดีเยี่ยม
ท่าสควอช Squat ที่ถูกต้องทำอย่างไร?
การเล่นท่าสควอช (Squat) ที่ถูกต้อง ต้องทำอย่างไรล่ะ? วันนี้ Fit.Friend จะมาอธิบายให้เพื่อนๆ ได้เข้าใจกัน
ท่าสควอชแบบพื้นฐาน (Basic Squat)
- กางขาสองข้าง ให้อยู่ในระยะช่วงหัวไหล่
- ย่อเข่าลง ย่อเข่า ไม่ควรให้หัวเข่าเกินปลายเท้า
- ย่อลงไปให้ได้มุมเข่า 90 องศา โดยสามารถยื่นแขนตรงไปข้างหน้าเพื่อให้ทรงตัวได้ง่ายขึ้น
- ขณะย่อตัว ควรเกร็งหน้าท้อง และใช้ส้นเท้าเป็นจุดรองรับน้ำหนัก
- จากนั้นยืดตัวขึ้น นับเป็น 1 ครั้ง
ข้อแนะนำ
หลังควรตรง ไม่ก้มตัว หรืองอตัว ย่อตัวลงโดยที่ให้ลำตัวขึ้นและลงเป็นแนวดิ่ง
ท่าสควอช Squat ที่ถูกต้องแบบต่างๆ
อย่างที่ได้บอกไว้ตั้งแต่ตอนต้นว่าท่าสควอช (Squat) ไม่ได้มีเพียงรูปแบบเดียว Fit.Friend เลยรวบรวมข้อแนะนำในการทำท่าสควอช (Squat) แบบถูกต้องมาให้เพื่อนๆ ได้ลองทำตามกัน ดังนี้!
1.ท่า Jumping Squat
เป็นท่าที่ช่วยเพิ่มสมรรถภาพในการเล่นกีฬา ช่วยเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ โดยเฉพาะกล้ามเนื้อบริเวณก้น เอ็นร้อยหวาย กล้ามเนื้อต้นขา กล้ามเนื้อแผ่นหลัง กล้ามเนื้อแกนกลางลำตัว ช่วยให้ระบบการเผาผลาญดีขึ้น ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีก็สามารถทำให้ร่างกายเราแข็งแรงขึ้นได้
วิธีทำ
- ยืนตรงขากว้างเท่าหัวไหล่ มองตรงไปด้านหน้า
- หายใจเข้า ย่อตัวลงเหมือนท่า Squat พร้อมกับยกแขนทั้ง 2 ข้างไปด้านหน้าเพื่อช่วยในการทรงตัว
- ออกแรงดันตัวขึ้นพร้อมกับกระโดดขึ้น (ระวังอย่าทิ้งน้ำหนักไปที่ส้นเท้าตอนลง เพราะอาจทำให้บาดเจ็บหัวเข่าและข้อเท้าได้)
- ใช้ปลายเท้าลงกลับสู่ท่าเริ่มต้น นับเป็น 1 ครั้ง (ควรทำ 10 – 20 ครั้ง / 4 เซท)
2.ท่า Sumo Squat
เป็นท่าที่ช่วยบริหารกล้ามเนื้อสะโพก และต้นขาด้านใน เป็นมัดกล้ามเนื้อที่หลาย ๆ คนมักมองข้าม
วิธีทำ
- วางเท้าให้ห่างประมาณสองช่วงแขน ปลายเท้าชี้ออกไปข้างนอกให้ตั้งฉากกับระดับสายตา กุมมือสองข้างไว้ที่ระดับอก (โดยอาจกุมมือไว้ตลอดเวลาหรือปล่อยมือลงก็ได้ตามความถนัด)
- นั่งลงโดยดันสะโพกไปด้านหลัง หลังตรง ทำท่าเหมือนจะนั่งเก้าอี้
- ดันตัวยืนขึ้นกลับสู่ท่าเดิม นับเป็น 1 ครั้ง (ควรทำ 10 – 20 ครั้ง / 4 เซท
3.ท่า Dumbbell Squat
ท่านี้ช่วยบริหารขาและแกนกลางลำตัว สร้างความแข็งแกร่งได้อย่างดี ควรระวังการเลือกใช้น้ำหนักของดัมเบล โดยเริ่มจากน้ำหนักเบา และเพิ่มน้ำหนักไปเรื่อย ๆ เท่าที่ร่างกายรับไหว
วิธีทำ
- ถือดัมเบลไว้ข้างลำตัว ปล่อยแขนเหยียดตรง
- ยืนตรง ขากว้างเท่าหัวไหล่ โดยที่ปลายเท้าชี้ออก เงยหน้ามองตรงตลอดเวลา
- งอเข่า และย่อตัวลง คล้ายการจะนั่งเก้าอี้ ย่อให้ต้นขาขนานกับพื้น
- ยกลำตัวขึ้นตรง พร้อมทั้งหายใจออก นับเป็น 1 ครั้ง (ควรทำ 10 – 20 ครั้ง / 4 เซท)
4.Goblet Squat
เป็นการเพิ่มความยากด้วยการยกน้ำหนักไว้ที่ระดับหน้าอก ทำให้มีการใช้งานกล้ามเนื้อแกนกลางเพื่อยกหน้าอกไว้ตลอดเวลา และช่วยเพิ่มพลังนิ้วในการบีบจับข้าวของอีกด้วย
วิธีทำ
- ถือดัมเบลหนักไว้ที่ระดับหน้าอก
- ยืนกางขาให้กว้างกว่าหัวไหล่ เท้าชี้ออกไปด้านนอก
- งอเข่า และย่อตัวลง คล้ายการจะนั่งเก้าอี้ ย่อให้ต้นขาขนานกับพื้น ควรแอ่นหน้าอกขึ้นตลอดเวลา
ยกลำตัวขึ้นตรง พร้อมทั้งหายใจออก นับเป็น 1 ครั้ง (ควรทำ 10 – 20 ครั้ง / 4 เซท)
5.ท่า Front Squat
เป็นท่าที่เพิ่มความยากขึ้นเล็กน้อย โดยใช้บาร์เบลประกอบการสควอช ทำให้เห็นผลลัพธ์ในการออกกำลังกายที่รวดเร็วยิ่งขึ้น
วิธีทำ
- ยืนขากว้างประมาณสะโพก ให้ปลายเท้า, เข่า, ข้อสะโพกอยู่ในแนวเดียวกัน
- ถือ Barbell จับมือกว้างเท่าช่วงหัวไหล่ และวางไว้บนบ่า
- ข้อศอกควรหันมาข้างหน้า ยกข้อศอกไว้สูงๆ ระวังอย่ากำมือแน่น จะทำให้เจ็บข้อมือ
- เกร็งท้องให้หลังเป็นแนวตรง บีบและกดสะบักลง ยืดอกขึ้น
- พับตัวลงให้น้ำหนักลงที่ส้นเท้า และรู้สึกตึงอยู่ที่กล้ามเนื้อก้น
- หายใจเข้า ย่อสะโพกทางด้านหลัง เหมือนจะนั่งลง ขาไม่ควรขยับ เข่าชี้ตรงไม่เลยปลายเท้า
- ย่อลงจนต้นขาขนานกับพื้น หรือลึกกว่า
- หายใจออก ออกแรงดันสะโพกไปข้างหน้า ยกลำตัวขึ้นตรง ทิ้งน้ำหนักลงที่ส้นเท้า นับเป็น 1 ครั้ง (ควรทำ 10 – 20 ครั้ง / 4 เซท)
6.ท่า Back Squat
ถือว่าเป็นสุดยอดของการฝึกร่างกายส่วนล่าง เนื่องจากต้องใช้กล้ามเนื้อหลายส่วนและสมาธิในการเล่น จึงทำให้เป็นท่าที่หลายคนขยาดเช่นกัน เพราะเชื่อกันว่าทำให้บาดเจ็บได้ง่าย แต่ความจริงการทำ Back Squat ไม่ได้ถือว่าเป็นท่าที่เสี่ยงอันตราย และไม่ควรหลีกเลี่ยงการฝึก ทางที่ดีควรมีเทรนเนอร์คอยแนะนำและดูแลอย่างใกล้ชิด ทาง Fit.Friend เองก็พร้อมที่ส่งเทรนเนอร์ไปจะดูแลเพื่อนๆ ถึงที่บ้าน
วิธีทำ
- ขาทั้ง 2 ข้างแยกออกจากกันเท่าช่วงหัวไหล่
- วางบาร์ไว้บริเวณไหล่หลัง โดยเลือกบาร์ที่น้ำหนักเหมาะสมกับการฝึกของตนเอง หรือเริ่มจากบาร์เปล่าก่อนก็ได้
- ย่อลงด้วยการทิ้งสะโพกลงไปด้านหลัง สะโพกควรตั้งฉากกับพื้น
- ยืดอก ตัวโน้มไปข้างหน้าประมาณ 45 – 60 องศา จากพื้น
- เกร็งท้อง หายใจเข้า แล้วดันเอวไปด้านหลังให้ต้นขาขนานกับพื้น เวลาลงไม่หุบเข่าเข้าหากัน เท้าควรติดพื้นตลอดเวลา
- ดันเอวขึ้น ยืดตัวตรง ขมิบก้น ล็อกหลัง แล้วหายใจออก นับเป็น 1 ครั้ง (ควรทำ 10 – 20 ครั้ง / 4 เซท)
7.ท่า Lunges Squat
ท่านี้ช่วยบริหารกล้ามเนื้อหน้าขา สามารถทำได้โดยที่ไม่ต้องมีอุปกรณ์ แต่ถ้าอยากถ่วงน้ำหนักให้มากขึ้นจะถือดัมเบลที่มือทั้งสองข้างและทิ้งลงข้างลำตัวก็ได้เช่นกัน
วิธีทำ
- ยืนตรง แยกเท้าออกกว้างประมาณหัวไหล่
- ก้าวเท้าข้างใดข้างหนึ่งออกไปข้างหน้า พร้อมย่อตัวลง ตัวตรง หัวเข่าทำมุม 90 องศา (***ข้อควรระวัง: ไม่ดันเข่าไปด้านหน้าจนเลยปลายเท้า สะโพกอยู่ในแนวเดียวกับเข่า)
- ยืดตัวขึ้น ก้าวเท้ากลับที่เดิม นับเป็น 1 ครั้ง (ควรทำ 20 – 40 ครั้ง / 4 เซท)
8.ท่า Smith Machine Squat
เป็นท่าที่เหมือนกับท่า Back Squat ต่างแค่เพียงเป็นการเล่นกับเครื่อง Smith Machine ทำให้มีความปลอดภัยเพราะมีเครื่องเล่นคอยเซฟร่างกายไว้
วิธีทำ
- วางบาร์ไว้บริเวณไหล่หลัง ยืนเท้าห่างกันเท่าช่วงหัวไหล่ มองไปด้านหน้า
- เกร็งท้อง หายใจเข้า ย่อตัวลง ทิ้งสะโพกลงไปด้านหลัง พยายามให้หลังตรง เวลาลงไม่หุบเข่าเข้าหากัน เท้าควรติดพื้นตลอดเวลา
- ดันเอวขึ้น ยืดตัวตรง ขมิบก้น ล็อกหลัง แล้วหายใจออก นับเป็น 1 ครั้ง (ควรทำ 10 – 20 ครั้ง / 4 เซท)
ท่าสควอช Squat เผาผลาญได้กี่แคล?
หากจะให้ตอบเป็นคำตอบที่แน่นอน และตายตัวคงจะยาก เพราะการเผาผลาญแคลอรี่ของร่างกายในแต่ละคนล้วนมีปัจจัยด้าน เพศ น้ำหนัก ส่วนสูง อายุ BMR เป็นองค์ประกอบ
โดยมีผลวิจัยกล่าวไว้ว่าค่าเฉลี่ยในคนสุขภาพดีที่ออกกำลังกายเป็นประจำ สำหรับสควอช (Squat)นั้น จะสามารถเผาผลาญได้ถึง 517 แคลอรี่ ใน 30 นาทีเลยทีเดียว
สควอชวันละ 100 ครั้ง เผาผลาญได้กี่แคล?
อย่างที่บอกไปก่อนหน้านี้แล้วว่าอัตราการเผาผลาญของแต่ละคนไม่เท่ากัน ทาง Fit.Friend จึงได้หาตัวอย่างมาประกอบเพื่อให้เพื่อนๆ ได้เข้าใจ และเห็นภาพกัน
ตัวอย่างการเผาผลาญของท่าสควอช
เพศชาย อายุ 25 – 30 ปี ที่ออกกำลังกายเป็นประจำ วัดโดยการสวมนาฬิกาสุขภาพ
ผู้ทดสอบใช้เวลาในการทำสควอช 100 ครั้งไป 3.26 นาที จะใช้ เผาผลาญได้ประมาณ 63 แคลอรี่
แจกฟรี!! ตารางทำสควอช 30 วัน
Fit.Friend ได้จัดหาตารางฝึกสควอช (Squat) 30 Day Squat Challenge ของทางต่างประเทศ มาให้เพื่อนๆ ได้ลองฝึกและท้าทายตัวเองกันดู! ทางที่ดีควรมีเทรนเนอร์คอยดูแล และให้คำแนะนำ
วันที่ 1 | 20 ครั้ง | วันที่ 16 | พักผ่อน |
วันที่ 2 | 25 ครั้ง | วันที่ 17 | 100 ครั้ง |
วันที่ 3 | 30 ครั้ง | วันที่ 18 | 105 ครั้ง |
วันที่ 4 | พักผ่อน | วันที่ 19 | 110 ครั้ง |
วันที่ 5 | 40 ครั้ง | วันที่ 20 | พักผ่อน |
วันที่ 6 | 45 ครั้ง | วันที่ 21 | 115 ครั้ง |
วันที่ 7 | 50 ครั้ง | วันที่ 22 | 120 ครั้ง |
วันที่ 8 | พักผ่อน | วันที่ 23 | 125 ครั้ง |
วันที่ 9 | 60 ครั้ง | วันที่ 24 | พักผ่อน |
วันที่ 10 | 65 ครั้ง | วันที่ 25 | 130 ครั้ง |
วันที่ 11 | 70 ครั้ง | วันที่ 26 | 135 ครั้ง |
วันที่ 12 | พักผ่อน | วันที่ 27 | 140 ครั้ง |
วันที่ 13 | 80 ครั้ง | วันที่ 28 | พักผ่อน |
วันที่ 14 | 85 ครั้ง | วันที่ 29 | 145 ครั้ง |
วันที่ 15 | 90 ครั้ง | วันที่ 30 | 150 ครั้ง |
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับท่าสควอช Squat
ยังไม่มีผลวิจัยตายตัวว่าควรจะทำสควอชจำนวนวันละกี่ครั้ง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความแข็งแรงของผู้เล่น ว่ามีมากแค่ไหน แต่โดยส่วนมากจะแนะนำให้ทำวันละ 4 – 5 เซ็ต เซ็ตละ 15 – 20 ครั้ง
ความจริงคือนอกจากจะ สควอช (Squat) ไม่ทำให้ขาใหญ่ แต่อย่างใดแล้ว ยังช่วยให้ต้นขากระชับ ดูเฟิร์มขึ้นอีกด้วย การจะเล่นให้ขาใหญ่สวยแบบนักเพาะกายได้นั้น ต้องฝึกด้วยน้ำหนักที่มากและมีความเข้มข้นระดับสูงมาก
ท่าสควอชสามารถลดพุงได้ เพราะเป็นท่าที่ใช้กล้ามเนื้อจำนวนมาก จึงสรุปได้ว่าท่าสควอช (Squat) นั้นสามารถลดได้ทั้งตัว รวมไปถึงหน้าท้องด้วยนั่นเอง
การเล่นสควอช (Squat) แล้วปวดขาถือ “เป็นเรื่องปกติ” หากรู้สึกปวดเมื่อย ให้หยุดพักไปก่อนสัก 1- 2 วัน หรือจนร่างกายฟื้นฟูเป็นปกติ ก็สามารถกลับมาเล่นท่าสควอชได้ตามเดิม
การที่ทำสควอช (Squat) แล้วปวดเข่า อาจเกิดจากการ “ทำท่าที่ผิดวิธี” หากไม่มั่นใจให้ลองเช็คตามบทความนี้ดูว่ามีตรงไหนพลาดไปหรือไม่ หรือให้ทาง Fit.Friend ได้ส่งเทรนเนอร์ที่มีความเชี่ยวชาญให้คำแนะนำ และดูแลคุณถึงที่บ้านเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีของร่างกาย และถึงเป้าหมายไวยิ่งขึ้น
สรุป
ทุกคนคงรู้แล้วว่าการทำท่าสควอช (Squat) ที่ถูกต้องนั้น ไม่ใช่แค่สร้างกล้ามเนื้อขา แต่เป็นการเสริมสร้างกล้ามเนื้อทั้งตัว เพราะต้องใช้กล้ามเนื้อหลาย ๆ ส่วนมาประกอบการออกกำลังกาย จึงทำให้สามารถเผาผลาญแคลอรี่ได้เป็นอย่างดี เหมาะกับคนที่สนใจลดน้ำหนักและสร้างกล้ามเนื้อควบคู่ไปด้วย เห็นข้อดีขนาดนี้แล้ว ต่อไปก็อย่าโดดวันเล่นขากันอีกล่ะ
หากเพื่อนๆ มีข้อสงสัยหรืออยากหาเทรนเนอร์ส่วนตัวไว้ดูแลสุขภาพ อย่าลืมให้ Fit.Friend ได้ดูแลคุณ สนใจสอบถามรายละเอียดเทรนเนอร์ส่วนตัวได้ที่
Add LINE: @fitfriend หรือ https://lin.ee/d9Mvonh
ขอบคุณอ้างอิงจาก Self, คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ภาควิชาเวชศาสตร์ฟื้นฟู