ถ้าไม่อยากเกิดอาการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อระหว่างออกกำลังกาย ห้ามพลาดบทความนี้! Fit.Friend อยากพาทุกคนให้มาทำความเข้าใจกับศัพท์ในวงการที่เรียกว่า “Dynamic Stretching” กันก่อน
ขอบอกเลยว่าหลายคนมักจะละเลยการทำสิ่งนี้โดยไม่รู้ว่าเป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยเตรียมกล้ามเนื้อให้มีความพร้อมสำหรับการใช้งาน เพราะช่วย เพิ่มความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อได้ ตามมารู้จัก Dynamic Stretching ในบทความนี้แล้วจะรู้ว่ามีความสำคัญอย่างไร และสามารถทำได้ไม่ยากเลย!
Dynamic Stretching คืออะไร?
Dynamic Stretching คือท่าที่ช่วยยืดกล้ามเนื้อตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกายให้คลายตัว เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนออกกำลังกายหรือเล่นกีฬา อีกทั้งยังเป็นท่าที่ถูกแนะนำว่าเหมาะกับผู้สูงอายุ เนื่องจากสามารถทำตามได้โดยไม่ทำให้เกิดแรงกระแทกมากจนเกินไป
นอกจากนี้ในท่าต่าง ๆ ของ Dynamic Stretching ก็มีให้เลือกใช้อยู่มากมาย เพื่อให้เหมาะกับกิจกรรมการใช้งานของกล้ามเนื้อที่แตกต่างกันอีกด้วยนะครับ
Dynamic Stretching ช่วยอะไรบ้าง?
ท่าเคลื่อนไหวต่างๆ ของ Dynamic Stretching มีประโยชน์ต่อกล้ามเนื้อ ดังนี้
- ช่วยเตรียมความพร้อมของกล้ามเนื้อก่อนออกกำลังกายหรือเล่นกีฬา เพื่อให้สามารถใช้กล้ามเนื้อต่าง ๆ ยืดเหยียดได้อย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยลดความตึงของกล้ามเนื้อได้
- ช่วยลดอาการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อ เนื่องจากขณะที่ออกกำลังกายอยู่นั้นอาจทำให้กล้ามเนื้อเกิดการยืดหดตัว หากไม่มีการเตรียมความพร้อมของกล้ามเนื้อด้วยวิธี Dynamic Stretching ให้ดี อาจส่งผลให้กล้ามเนื้อมีอาการเคล็ดขัดยอกหรือฟกช้ำได้
ตัวอย่างท่า Dynamic Stretching แบบง่าย ๆ ที่คุณก็ทำได้
วันนี้ Fit.Friend ขอแนะนำท่า Dynamic Stretching จำนวน 4 ท่ามาฝากกัน โดยปกติจะทำท่าละประมาณ 10-15 ครั้ง รับรองว่าทำตามได้แบบง่ายๆ ตามคลิปนี้เลย
1. ท่า Full Jumping Jack
- เริ่มต้นด้วยการยืนตรงและวางแขนไว้ที่บริเวณข้างลำตัว
- ทำการกระโดดแยกเท้าออกจากกันให้ความกว้างของเท้าเท่ากับหัวไหล่
- ยกมือขึ้นตบเหนือศีรษะ
- จากนั้นกลับมาสู่ท่าเริ่มต้น
2. ท่า Skier jumping jacks
- ยืนตรงมือแนบกับลำตัว
- กระโดดยกแขนขึ้นพร้อมๆ กับสลับเท้าไปข้างหน้าและหลัง
- กลับมาสู่ท่าเริ่มต้น
3. ท่า Dynamic Squat Stretch
- ยืนตรงให้มือแนบลำตัว
- กางขาออกให้เท่ากับความกว้างของหัวไหล่
- โน้มตัวไปข้างหน้า ก้มตัวลงใช้มือจับข้อเท้าทั้งสองข้างแล้วย่อตัวลง
- ยืดตัวขึ้นจากท่าเดิมจากนั้นทำซ้ำ
4. ท่า Forward Lunges to Twist
- ยืนตรงเอามือประสานกันไว้ด้านหน้า
- ใช้ขาข้างนึงก้าวไปข้างหน้าแล้วย่อตัวลงให้เข่าตั้งฉาก 90 องศา
- ทำการบิดเอวเพื่อหมุนตัวไปด้านข้าง
- กลับไปท่าเริ่มต้นและทำซ้ำอีกครั้งโดยใช้ขาสลับข้าง
Dynamic Stretching กับ Static Stretching ต่างกันยังไง?
ระหว่าง Dynamic Stretching กับ Static Stretching มองเผินๆ นั้นมีความคล้ายกันจนหลายคนอาจใช้ผิดไป Fit.Friend เลยรวบรวมความแตกต่างระหว่างทั้ง 2 ท่ามาไว้ที่นี่เพื่อให้ทุกคนเข้าใจได้มากขึ้น
ความแตกต่าง | Dynamic Stretching | Static Stretching |
จุดเด่น | เป็นการยืดกล้ามเนื้อแบบเคลื่อนไหว | เป็นการยืดกล้ามเนื้อแบบหยุดนิ่ง |
วิธีการ | เคลื่อนไหวกล้ามเนื้อด้วยท่าต่างๆ ตลอดเวลา | ทำท่าต่างๆ ค้างไว้ประมาณ 20-30 วินาที |
เหมาะสำหรับ | ใช้เตรียมพร้อมก่อนการออกกำลังกาย | ใช้ในการ Cool-down หลังออกกำลังกายเสร็จแล้ว |
- Dynamic Stretching เป็นท่าที่ช่วยยืดกล้ามเนื้อแบบเคลื่อนไหว โดยใช้วิธีเคลื่อนไหวกล้ามเนื้ออยู่ตลอดเวลาที่ทำ สังเกตได้จากท่าต่าง ๆ ที่นำมาแนะนำในบทความข้างต้นจะเห็นได้ว่ามีการเคลื่อนไหวกล้ามเนื้ออยู่ตลอด จึงมักใช้ท่านี้ในการเตรียมกล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ ก่อนออกกำลังกายเพื่อไม่ให้เกิดการบาดเจ็บในภายหลัง
- Static Stretching เป็นท่าที่ช่วยยืดกล้ามเนื้อแบบหยุดนิ่ง โดยจะมีการทำท่ายืดกล้ามเนื้อต่าง ๆ ค้างไว้แต่ละท่านานประมาณ 20-30 วินาที ซึ่งมักจะใช้ในการ Cool-Down หลังออกกำลังกายเสร็จแล้ว เพื่อช่วยลดความตึงของเส้นเอ็นในส่วนต่าง ๆ ของร่างกายและลดอาการปวดกล้ามเนื้อที่อาจตามมาได้
สรุป
เห็นไหมว่าท่า Dynamic Stretching เป็นท่าที่สามารถทำได้ง่าย แต่มีความสำคัญมากสำหรับการออกกำลังกายหรือการเล่นกีฬา เนื่องจากช่วยลดอาการบาดเจ็บต่าง ๆ ที่เกิดกับกล้ามเนื้อได้
หากเพื่อนๆ ยังไม่มั่นใจว่าจะต้องใช้ท่าไหนบ้าง มาที่ Fit.Friend เพื่อให้เทรนเนอร์ของเราแนะนำได้เลยครับ เพราะยังมีท่า Dynamic Stretching อีกหลายท่าที่น่าสนใจ เพียงจองคลาสได้เลยที่นี่ LINE: @fitfriend ก็สนุกได้กับทุกการออกกำลังกาย เพราะเรา Delivery เทรนเนอร์ของเราไปให้ถึงที่เลยนะครับ
ขอบคุณที่มาจาก : กรมพลศึกษา, กรมสุขภาพจิต