Cheat Day และ Cheat Meal คืออะไร กินเยอะ 1 วัน อ้วนไหม?

“กิน 70% ออกกำลังกาย 30%” จัดเป็นสูตรฮิตที่หลายคนใช้เพื่อควบคุมน้ำหนักให้มีรูปร่างที่ดี แต่จะมีสักกี่คนที่อดใจไหว เพราะไม่ว่าจะไถมือถือดูเฟซบุ๊ก ไอจี สักกี่ครั้งก็เจอแต่ภาพอาหารที่มีหน้าตาน่าทานจริงๆ ใช่ไหมครับ เพื่อไม่ให้การดูแลตัวเองเคร่งเครียดเกินไปจนไม่มีความสุข

คนรักสุขภาพทั้งหลายจึงมีวันหรือมื้อพิเศษที่จัดหนักให้รางวัลตัวเอง เรียกว่า “Cheat Day” และ   “Cheat Meal” เกิดขึ้น แล้ววันชีทเดย์ คืออะไร และคนที่ทำ IF มี Cheat Day ด้วยได้หรือเปล่า  Fit.Friend เลยขอพาเพื่อนๆ มารู้จักเพิ่มเติมกันครับ

cheat day คือ

Cheat Day และ Cheat Meal คืออะไร?

คนส่วนใหญ่มักคุ้นหูกับคำว่า “Cheat Day” แต่จะมีอีกหนึ่งคำที่ควบคู่กันมาเรียกว่า “Cheat Meal” เห็นว่าชื่อดูคล้ายกัน แล้วทั้งสองแบบนี้คืออะไรกันแน่…

Cheat Day คือ วันที่หลุดจากการทานอาหารคลีนมาทั้งวันหรือทั้งอาทิตย์ หากจะมอง Cheat Day แปลว่า “วันโกง” ก็ไม่ผิด เพราะเป็นวันพิเศษที่ชาวเฮลตี้หลายคนรอคอยที่จะได้ทานอาหารที่ตัวเองชอบจริงๆ

เรียกได้ว่าเป็นการตามใจปากที่ช่วยเพิ่มความสุขทางใจ และเป็นวิธีลดความอยากของหวาน หรือของที่ทานแล้วอ้วนอีกด้วย ส่วนใหญ่แล้วจะนิยมกำหนด 1 วันในสัปดาห์ให้เป็นวัน Cheat Day ครับ

Cheat Meal คือ มื้อพิเศษที่กำหนดด้วยตัวเองว่าจะทานอะไร ส่วนมากมักเป็นอาหารที่ให้พลังงานสูง และมื้อที่เหลือจะเลือกทานอาหารสุขภาพ ยกตัวอย่างเช่น กำหนด Cheat Meal ไว้ช่วงมื้อเช้า ส่วนมื้ออื่นก็กลับมาเลือกทานอาหารเหมือนเดิม

ข้อแตกต่างระหว่าง Cheat Day และ Cheat Meal

Cheat DayCheat Meal
“วัน” ที่ตามใจตัวเอง“มื้อ” ที่ตามใจปาก
วันแห่งความสุขที่ถูกกำหนดไว้เพื่อฝึกวินัย
หลังจากเลือกทานอาหารเพื่อสุขภาพ
มาทั้งสัปดาห์ หรือทั้งเดือน
เป็นมื้อที่มีการกำหนดด้วยตัวเองว่า
จะทานอย่างไรส่วนมากเป็นอาหารที่ให้พลังงานสูง
ส่วนมื้อที่เหลือคือเลือกทานอาหารสุขภาพ
และมีกาารควบคุมการทาน

สำหรับข้อแตกต่างของทั้งสองวันแบบชัดๆ คือ Cheat Meal จะมีความยืดหยุ่นในการเลือกทานอาหารมากกว่า Cheat Day เนื่องจากสามารถกำหนดแยกย่อยเองได้ว่าจะตามใจปากมื้อไหน อย่างไร แต่ถึงจะยืดหยุ่นได้ ก็ไม่ควรละเลยความมีวินัย

เพราะอาจทำให้การควบคุมน้ำหนักไม่เป็นไปตามแผนที่กำหนดหากเผลอใจไปทานอาหารที่มากเกินพอดี เห็นได้ชัดว่า “ใจ” เราสำคัญที่สุดในการเลือกทานอาหารและลดน้ำหนัก ดังนั้นควรตั้งเป้าหมายให้ชัด เพื่อมีหุ่นที่ใช่ในแบบที่เราต้องการ ด้วยวิธีการที่เหมาะกับตัวเราเอง

ชีทเดย์ คือ

ประโยชน์ของการมี Cheat Day และ Cheat Meal

Cheat Day และ Cheat Meal ต่างก็มีประโยชน์ดีๆ ด้วยกันทั้งคู่สำหรับคนที่อยากควบคุมน้ำหนักลดความอ้วน 

1.เพื่อฝึกวินัยในการเลือกทานอาหารและควบคุมน้ำหนัก

ปัญหาของคนที่คุมน้ำหนักมาเป็นเวลานานๆ มักเกิดอาการ “เผลอใจ” หลุดไปทานของหวานกันได้ ดังนั้นการกำหนด Cheat Day และ Cheat Meal ขึ้นมานั้นเหมือนเป็นการสัญญากับตัวเองว่าจะตบะแตกแค่ช่วงเวลาที่กำหนดเท่านั้น เพื่อเป็นการฝึกวินัยในการรักษาหุ่นของตัวเองนั่นเอง

2.เพื่อเพิ่มอัตราการเผาผลาญของร่างกาย

เนื่องจากมีการเพิ่มของฮอร์โมน Leptin ที่ส่งผลต่อความหิว ดังนั้นในช่วงเวลาที่กำลังควบคุมอาหารจะทำให้ระดับฮอร์โมนตัวนี้ลดลง ทำให้ร่างกายพยายามเก็บสารอาหารไว้ข้างใน เมื่อเรามีช่วง Cheat Day และ Cheat Meal ก็เหมือนเป็นการหลอกร่างกายในระยะเวลาสั้นๆ ให้ระบบเผาผลาญทำงานได้ดีขึ้น

3.ช่วยลดความเครียดจากการควบคุมน้ำหนัก

เรียกได้ว่าเป็นการเดินทางสายกลางก็ไม่ผิดนัก เพราะคนส่วนใหญ่ที่ตั้งใจควบคุมน้ำหนักอย่างมุ่งมั่น อาจมีความเครียดเกิดขึ้นได้ เพราะร่างกายก็ต้องการความหวานอยู่ดี วิธีนี้จึงดีต่อสุขภาพ ดีต่อใจ ช่วยสร้างสมดุลให้คุณมีความสุขกับการรักษาสุขภาพควบคู่กัน

everyday is cheat day

ระหว่างทำ IF มี cheat day ไหม?

คนที่สนใจทำ IF ก็สามารถมี Cheat Day ได้นะครับ โดยพยายามกำหนดให้มีเพียงสัปดาห์ละ 1 วันเท่านั้น เพื่อเป็นการควบคุมอาหาร และช่วยให้การลดน้ำหนักแบบ IF นั้นดูไม่เคร่งเครียดจนเกินไป

ถึงจะมีช่วง Cheat Day แต่ก็ไม่ควรเลือกทานอาหารตามใจปากมาก อย่าลืมว่าปัจจัยสำคัญของการรักษาหุ่นคือ การเลือกทานอาหาร หากอยากทานขนมหวาน ก็เลือกขนมที่ใช้น้ำตาลธรรมชาติ หรือเลือกแบบน้ำตาลน้อยก็ช่วยลดความอยากได้ในวันที่ต้องการเติมความหวานให้ร่างกายนั่นเอง

ทํา if มี cheat day ไหม

Cheat Day Cheat Meal ทำยังไงให้ได้ผลดี?

สำหรับการทาน Cheat Day Cheat Meal ทำยังไงให้ได้ผลดีนั้น มี 3 ประเด็นสำคัญ ที่เพื่อนๆ ควรรู้ ช่วยให้ทานอาหารได้อย่างอร่อย และรักษาหุ่นไปด้วย ดังนี้เลยครับ

เราเหมาะกับ Cheat Meal หรือ Cheat Day?

คำถามที่หลายๆ คนสงสัยเลือกไม่ถูกว่าเราควรจะเลือกทานแบบ Cheat Meal หรือ Cheat Day กันแน่ จริงๆ แล้วไม่ว่าจะเลือกทานแบบไหนก็ได้ประโยชน์กันทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์ของแต่ละท่าน

คุณเหมาะกับ Cheat Day เมื่อมีไขมันในร่างกายต่ำกว่า 10% (ผู้ชาย) และ 20% (ผู้หญิง) เรียกง่ายๆ ว่าเหมาะกับคนที่รูปร่างดีและมีการออกกำลังกายเป็นประจำอยู่แล้ว แต่ในทางกลับกัน 

หากคุณเป็นคนที่มีเปอร์เซ็นต์ ไขมันในร่างกายสูง จะเหมาะกับการทาน Cheat Meal มากกว่า เนื่องจากหากขยับไปทำ Cheat Day อาจส่งผลให้น้ำหนักขึ้นเนื่องจากผลรวมของพลังงานตลอดสัปดาห์นั้นมีมากเกินกว่าที่ร่างกายจะใช้ได้หมดนั่นเองครับ

Cheat Meal ควรทำกี่มื้อ?

สำหรับ Cheat Meal ที่เหมาะสมควรทำ 1 มื้อ ในทุก 1-2 สัปดาห์ และพยายามสังเกตร่างกายตัวเองอยู่เสมอด้วยว่ามีความผิดปกติใดๆ หรือไม่ เช่น ไม่มีแรง ปวดหัว มึนหัว หากมีอาการดังกล่าวอาจบ่งบอกได้ว่าทานอาหารน้อยเกินไป ส่งผลเสียต่อสุขภาพโดยรวมได้

Cheat Day ควรมีกี่วัน?

ก่อนจะ Cheat Day ต้องเช็คให้ดีว่าเรามีวินัยมากพอไหม เพราะมีบางส่วนที่เผลอใจทำ Cheat Day หนักเกินไป ทำให้เปลี่ยนแผนไดเอ็ทกลายเป็น everyday is cheat day เพราะตบะแตกกับการควบคุมอาหาร จึงมักกำหนดให้มี 1 วันใน 1 สัปดาห์ที่ทานอาหารแบบตามใจตัวเองสักครั้ง แต่ก็ต้องเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ด้วยนะครับ

ข้อควรระวังระหว่าง Cheat Day หรือ Cheat Meal

  1. อย่าหักโหมในการควบคุมน้ำหนักมากเกินไป เพราะเมื่อถึงเวลา Cheat Day หรือ Cheat Meal อาจทำให้เกิดอาการหลุดทานอาหารที่มีปริมาณไขมันสูงได้ เนื่องจากหากเกิด Yoyo Effect แล้ว จะยากต่อการลดน้ำหนักได้อีกครั้ง
  2. พยายามสังเกตความผิดปกติของตัวเองระหว่างทำ Cheat Day หรือ Cheat Meal ว่าส่งผลต่อสุขภาพของคุณหรือไม่ เพราะหากมีอาการผิดปกติเมื่อไหร่ให้รีบปรึกษาแพทย์นะครับ
  3. ทำ Cheat Day หรือ Cheat Meal บ่อยเกินไปอาจทำให้คุณอ้วน! เพราะพลังงานที่รับเข้ามาเพิ่มดันมากกว่าการใช้ไป จึงทำให้แผนไดเอ็ทไม่เป็นไปตามเป้าหมาย

สรุป

Cheat Day และ Cheat Meal เป็นช่วงเวลา “ปล่อยตัว ปล่อยใจ” ให้คุณทานอาหารพลังงานสูง และถ้าถามว่ากินเยอะ 1 วัน อ้วนไหม? คำตอบคือ “อ้วน” ถ้าคุณทำถี่เกินไป และไม่ได้เลือกทานอาหารที่มีประโยชน์เท่าที่ควร

ดังนั้นหากอยากจะมี Cheat Day และ Cheat Meal อย่างมีประสิทธิภาพ ยังไงก็ต้อง “เลือกทาน” และอย่าตามใจปากจนเกินไป เพื่อบรรลุเป้าหมายการมีหุ่นสวยสุขภาพดีไปพร้อมกัน

ถ้าคุณยังเป็นอีกคนหนึ่งที่อยากหุ่นสวย สุขภาพดีแต่ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร สามารถสอบถามกับพี่ๆ เทรนเนอร์ของ Fit.Friend ได้ แล้วจะรู้ว่าการดูแลสุขภาพไม่ได้ยากอย่างที่คิด

สอบถามรายละเอียดเทรนเนอร์ส่วนตัวได้ที่

Add LINE: @fitfriendหรือ https://lin.ee/d9Mvonh

ขอบคุณที่มา : mthai,diyinspirenow,healthline,jimstoppani,officemate

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *